ผลิตภัณฑ์เป้าหมาย
คุณสมบัติของซีรี่ส์ ROVAL
สังกะสีเหลวแบบส่วนผสมเดี่ยวพร้อมใช้
> ใช้งานง่าย ไม่จําเป็นต้องเจือจาง
> การใช้งานง่ายไม่ยุ่งยาก เพราะไม่ต้องผสมส่วนผสมใดๆก่อน
> ไม่มีข้อจำกัดอายุการใช้งาน
> ส่วนที่เหลือจากการใช้งานแล้วควรเก็บไว้ในภาชนะที่ปิดสนิท
> มีผลิตภัณฑ์แบบสเปรย์ที่ใช้งานง่ายให้เลือก
วิดีโอ
วิธีการใช้
แบบสเปรย์ฉีดพ่น
เนื่องจากอาจมีตะกอนสังกะสีนอนก้นกระป๋อง
ดังนั้นควรเขย่ากระป๋องให้ดีก่อนฉีดพ่น (เขย่าอย่างน้อย 30 ครั้ง)
ใช้แปรง / ใช้ลูกกลิ้ง
ไม่จำเป็นต้องเจือจาง
เฉพาะเมื่อผลิตภัณฑ์หนืดขึ้นให้ผสมทินเนอร์ในปริมาณไม่เกิน 5% ของน้ำหนักสี
<คำแนะนำ>
แปรงทาสี : แบบขนแปรงยาวและนุ่มจะเก็บสีได้มากขึ้น
ลูกกลิ้งทาสี : แบบขนแปรงยาวประมาณ 12มม. หรือ 13มม. จะเก็บสีได้มากขึ้น
พ่นสี / การพ่นสุญญากาศ
พ่นสี
ปืนฉีดพ่นแรงโน้มถ่วง
ขนาดหัวฉีด — 1.5~2.0 mm
ความดัน — 0.3MPa
ที่กรองสี — #100
การเจือจางด้วยน้ำ — 0~5%(ROVAL, EPO ROVAL), 5~10%(ROVAL SILVER)
การพ่นแบบสูญญากาศ
ขนาดปลาย — สูงกว่า 0.017 inch (เช่น. 517)
ความดัน — สูงกว่า 20MPa
ตัวกรองปืน — #50~60
การเจือจางด้วยน้ำ — 0~5%
ข้อควรระวัง
ต้องทา ROVAL ลงบนพื้นผิวโลหะโดยตรงเท่านัน
การสัมผัสระหว่างสังกะสีและพื้นผิวโลหะโดยตรงจะทําให้เกิดปฏิกิริยาป้องกันการกัดกร่อน
ห้ามใช้สีรองพื้นเด็ดขาด
สีรองพื้นจะทำให้การทำงานของผลิตภัณฑ์ ROVAL ไม่เต็มประสิทธิภาพ
3 จุดสําคัญ
1. การเตรียมพื้นผิวที่เหมาะสม
เมื่อทาบนพื้นผิวชุบสังกะสีให้ใช้แฮนด์ทูลเพื่อขัดสนิมขาวออก
สำหรับพื้นผิวเหล็กให้กำจัดคราบน้ำมันปนเปื้อน คราบสนิม และสีเก่าทั้งหมดโดยการพ่นทรายขัด หรือใช้เครื่องมือไฟฟ้าเพื่อทำให้พื้นผิวเหล็กสะอาด
>> จำเป็นต้องมีการบูรณะพื้นผิวสังกะสีเก่าเมื่อใด?
2. การกวนหรือคนผสมอย่างถูกต้องและเพียงพอ
กวนหรือคนผลิตภัณฑ์ให้เข้ากันเพื่อให้เกิดความเข้มข้นสม่ำเสมอ
ไม่จําเป็นต้องเจือจาง
*เฉพาะเมื่อผลิตภัณฑ์หนืดขึ้นให้ผสมทินเนอร์ในปริมาณไม่เกิน 5% ของน้ำหนักสี
*EPO ROVAL ต้องใช้ EPO ROVAL THINNER โดยเฉพาะ
สินค้า | ประเภททินเนอร์ |
ROVAL ROVAL SILVER | ROVAL THINNER (หรือทินเนอร์อะโรมาติกเช่นไซลีน) |
EPO ROVAL | EPO ROVAL THINNER ห้ามใช้ ROVAL THINNER (เกิดการเกาะติดกันของสี) |
3. ความหนาของฟิล์มที่เพียงพอ
ทา 2 ชั้น (แต่ละชั้นหนา 40 ไมครอน)
ความหนาทั้งหมดของชั้นฟิล์ม = หรือ มากกว่า 80 ไมครอน
อย่าเกลี่ยสีให้บางเกินไป
ประสิทธิภาพในการป้องกันการกัดกร่อนขึ้นอยู่กับอัตราส่วนความหนาของฟิล์มแห้ง
การเว้นช่วงเวลาในการทา : 30 ~ 60 นาที
ตรวจสอบให้แน่ใจว่าสีแห้งสนิทก่อนที่จะลงสีชั้นที่สอง
การตรวจสอบความหนาของฟิล์ม
ตรวจสอบความหนาของฟิล์มโดยใช้เครื่องทดสอบความหนาแม่เหล็กไฟฟ้า
การใช้งานผิดวิธี
ทาผลิตภัณฑ์ลงบนพื้นผิวที่เป็นสนิมโดยตรง
ทาผลิตภัณฑ์ลงบนพื้นผิวที่มีการทาสีไว้แล้ว
ความสำคัญของการเตรียมพื้นผิว
การปรับสภาพผิวมีผลโดยตรงต่อประสิทธิภาพการป้องกันการกัดกร่อนและอายุของฟิล์มเคลือบ
เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพในการป้องกันการกัดกร่อนที่ดีที่สุด การปรับสภาพพื้นผิวจึงมีความสำคัญมาก
ควรแปรงหรือทาหลังจากทำสะอาดผิวโลหะเพื่อเปิดหน้าผิวแล้วเท่านั้น โดยใช้การพ่นด้วยทรายขัด หรือเครื่องมือไฟฟ้าเพื่อขจัดคราบเปื้อนหรือสนิมเก่าบนผิวโลหะและพื้นผิวชุบสังกะสีออกก่อน
ผลการทดลองพ่นเกลือภายใต้สภาวะการเตรียมพื้นผิว